วันจันทร์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2558

ศึกษาค้นคว้าและสร้างองค์ความรู้ (Research and Knowledge Formation)

ชื่อ นางสาว จินตภัทร์  นามสกุล สุปันตี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/9 เลขที่ 16

กลุ่มที่ 1
ปัญหาที่ศึกษา : ความรักในวัยเรียน

ที่มาและความสำคัญของโครงงาน
ความรักเป็นความรู้สึก สภาพและเจตคติต่างๆ ซึ่งมีตั้งแต่ความชอบระหว่างบุคคล ไปถึงความพึงพอใจอาจหมายถึงอารมณ์ดึงดูดและความผูกพัน (attachment) ส่วนบุคคลอย่างแรงกล้า ในบริบททางปรัชญา ความรักเป็นคุณธรรม แสดงออกซึ่งความเมตตา ความเห็นอกเห็นใจ และความเสน่หาทั้งหมดของมนุษย์ ความรักเป็นแก่นของหลายศาสนา ความรักมีหลายอย่าง เช่น รักพ่อแม่ รักเพื่อน รักแฟน ความรักมีหลายรูปแบบซึ่งกลุ่มของดิฉันได้สนใจรูปแบบความรักในวัยเรียน หลายคนอาจจะเปรียบเทียบความรักในวัยเรียนว่าเหมือนจุดเทียนกลางสายฝน เพราะคิดว่าความรักในวัยเรียนนั้นเป็นความรักที่เป็นไปได้ยากหรือเป็นความรักที่ไม่แน่นอน และเป็นสิ่งหลอกหลวง ผู้ใหญ่หลายท่านคงมองความรักในวัยเรียนเป็นความรักของเด็กๆ และอาจมองข้ามความรักในวัยเรียน  เราไม่สามารถตัดสินได้ว่าการมีความรักในวัยเรียนนั้นมันดีหรือไม่ดีเพราะมันขึ้นอยู่กับตัวบุคคล บางคนที่รักกันตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมจนถึงเรียนจบปริญญาแล้วก็แต่งงานกันก็มี หรือบางคนอาจจะมากกว่านั้นก็เป็นได้ แต่ไม่ใช่ว่าความรักในวัยเรียนจะมีแค่ด้านดี แต่ความรักในวัยเรียนอีกด้านหนึ่งอาจจะไม่สวยงามอย่างที่คิดอาจมีทั้งสิ่งที่สวยงามและสิ่งที่เลวร้ายอยู่ด้วยกัน ขึ้นอยู่ว่าเราจะเลือกทางเดินชีวิตแบบใด ดิฉันได้จัดทำโครงงานครั้งนี้ขึ้นมาเพื่อสะท้อนให้เห็นทั้งข้อดีและข้อเสียของรักในวัยเรียนรวมถึงแนวทางการแก้ปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นกับตนเองหรือคนรอบข้าง และทั้งนี้เพื่อให้ทุกๆคนมีส่วนร่วมในการพัฒนาสังคมให้ดียิ่งขึ้น

วัตถุประสงค์
1. เพื่อศึกษาปัญหาความรักที่เกิดขึ้นกับวัยรุ่น
2. เพื่อเรียนรู้วิธีการใช้โปรแกรมการตัดต่อวีดิโอ การใช้มุมกล้องในการถ่ายภาพ

ผลการศึกษา
จากการศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับความรัก และการทำแบบสอบถามขึ้นมาพบว่าผู้ตอบแบบสอบถามในช่วงอายุ15-30 ปี เห็นด้วยกับการมีความรักในวัยเรียนร้องละ91.7 และร้อยละ 80.6 นั้นการมีความรักไม่ส่งผลกระทบต่อการเรียน ที่เหลืออีกร้อยละ19.4 ส่งผลกระทบต่อการเรียน นั่นแสดงให้เห็นว่าแต่ละคนนั้นมีการจัดการกับปัญหาของตัวเองได้แตกต่างกัน แต่ละคนจะมีมุมมองการใช้ชีวิตการจัดการกับชีวิตที่แตกต่างกันทำให้เกิดผลกระทบต่างๆออกมาทั้งในทางที่ดีและไม่ดีต่างออกไป และจากการศึกษาปัญหาของของความรักที่เกิดขึ้น พบว่ามีทั้งผลกระทบต่อการเรียน เกรดเฉลี่ยตกต่ำ เรียนไม่จบจนถึงขั้นการท้องในวัยเรียน แต่ปัญหาเหล่านี้นั้นล้วนแต่มีแนวทางการแก้ปัญหาและวิธีป้องกันหลากหลายวิธีขึ้นอยู่กับการนำมาประยุกต์ใช้ในเข้ากับชีวิตของตนเอง
            ขั้นตอนการตัดต่อวีดิโอ
1.Capture (จับภาพจากกล้อง/ดึงข้อมูล วิดีีโอจากแผ่น CD/DVD)
2.Edit (แก้ไข/ตัดต่อ)
3.Effect (ใส่เอฟเฟ็กต์)
4.Overlay (ทำภาพซ้อน)
5.Title (ใส่ตัวหนังสือ)
6.Audio (ใส่ดนตรีประกอบ/บันทึกเสียงบรรยาย)
7.Share (บันทึกวิดีโอที่ตัดต่อแล้ว ลงสื่อต่างๆ)


แนวคิดในการแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบด้วยองค์ความรู้จากการค้นพบ
        การแก้ปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นในวัยเรียนนั้นสามารถทำได้หลากหลายวิธี โดยอาศัยบุคคลที่อยู่ใกล้ชิดทั้งเพื่อน ครอบครัว หรือคนในสังคม
1.ผู้ที่ใกล้ชิดกับเด็กให้ความรู้ความเข้าใจในเรื่องความรักความสัมพันธ์ตลอดจนปัญหาที่เกิดจากเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร เพื่อให้เด็กได้ตระหนักในปัญหาต่าง ๆ มากขึ้น   และเพื่อให้เด็กสามารถยับยั้งปัญหาที่กำลังจะเกิดได้อย่างปลอดภัย และเมื่อเกิดปัญหาแล้วให้เด็กได้มีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาจะทำให้เด็กเกิดความเชื่อมั่นในศักยภาพ/ความสามารถของตนในการดำเนินชีวิตต่อไป
2.ครอบครัว ได้เข้าใจและตระหนักว่า ความรักความอบอุ่นที่เพียงพอและพอเพียงจะสามารถนำพาครอบครัวให้เข้าใจในปัญหาได้อย่างแท้จริงและความรัก ความอบอุ่นนี้จะนำพาให้ครอบครัวเรียนรู้ที่จะยอมรับกันอย่างปราศจากเงื่อนไข เพื่อที่จะได้ร่วมกันเผชิญกับปัญหาได้อย่างมั่นคง พร้อมที่จะก้าวเดินไปพร้อมๆกัน ร่วมกันแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เข้ามาในครอบครัวของเราได้
3. สังคมและสิ่งแวดล้อม  ต้องมีความรู้ความเข้าใจต่อธรรมชาติของ ความต้องการทั้งทางด้านร่างกาย จิตใจของเด็กวัยนี้ เพื่อความเข้าใจต่อปัญหาสามารถเป็นแรงเสริมที่จะให้เด็กในวัยนี้สามารถผ่านพ้นวัยที่สำคัญนี้ไปได้ด้วยความเข้าใจ ความรู้จักและเข้าใจคุณค่าของตนจากความรักพื้นฐานความรักที่แท้จริงของพ่อแม่และครอบครัวตลอดจนบุคคลรอบข้างที่รักและปรารถนาดีต่อเด็กและสังคมยังสามารถประคับประคองเยาวชนที่ผ่านพ้นปัญหามาให้มีกำลังใจที่จะยืนหยัดในสังคมต่อไปอย่างเห็นคุณค่าในตนเอง พร้อมจะต้อนรับตนเองให้มีที่ยืนในสังคมต่อไป

นักเรียนได้เรียนรู้อะไรบ้างจากการเรียนวิชา IS1
1.ได้เรียนรู้วิธีการจัดระบบการจัดการทำงาน
2.ได้ฝึกการทำงานเป็นทีม ทำให้เกิดความสามัคคีในหมู่คณะ
3.ได้เรียนรู้ทำ web blog เพื่อใช้ในการนำเสนองานในรูปแบบที่ใหม่ขึ้น
4.ได้ศึกษาวิธีการใช้โปรแกรมตัดต่อหนังสั้น
5.ได้ฝึกการลงมือปฏิบัติงานทางด้านการคิดบทละคร การทำstory boardการวางแผนการทำหนังสั้น
6.ได้เข้าฝึกอบรมการทำหนังสั้นทำให้เราทราบแนวหนังที่ชอบ และสามารถนำความรู้ที่ได้นั้นไปสานต่อในอนาคตได้
7.ได้วิธีการทำงานกลุ่มที่สามารถทำพร้อมกันทีเดียวหลายๆคนได้เพื่อให้งานเสร็จเร็วมากยิ่งขึ้นและสามารถนำไปใช้ในวิชาอื่นๆได้

วันอาทิตย์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2558

รักจริงปิ๊งเก้อ "รักไม่ใช่เล่น


หนังสั้น "SKIP รักนี้ที่ข้ามไป"


10 เหตุผลทำไมคุณถึงไม่มีแฟนสักที

10 เหตุผลทำไมคุณถึงไม่มีแฟนสักที ของ แบบนี้จะบังคับให้ใครโสดใครไม่โสดไม่ได้หรอกนะคะ และไม่ใช่เรื่องผิดด้วยหากหลายคนเลือกที่จะครองตัวเป็นโสด เพราะการอยู่คนเดียวก็ยังดีกว่าต้องทนเจ็บปวดหากเลือกคบคนไม่ดีเข้ามาเดินใน ชีวิต ดังนั้นนี้อาจเป็นเพียง 1 ใน 10 ของเหตุผลที่เหล่าคนโสดคิดกันเท่านั้น และถ้าคุณอยากเหตุผลอื่นๆ อีกละก็ มาติดตามพร้อมๆ กันค่ะ ไม่แน่นะอาจจะตรงกับคุณก็ได้
large

 10 เหตุผลทำไมคุณถึงไม่มีแฟนสักที 

1. กลัวตารางชีวิตประจำวันเปลี่ยนแปลง
เชื่อ ไหมว่ามีหลายคนที่คิดแบบนี้ พวกเขามีตารางชีวิตที่ชัดเจน ไปทำงาน ไปเรียนหนังสือ กินข้าวกับเพื่อน เล่นเกมส์อยู่บ้าน สารพัดสิ่งที่คุณทำเป็นกิจวัตร คุณกลัวเหลือเกินที่จะมีใครสักคนมาพรากสิ่งเหล่านี้ไปจากคุณ เพราะถ้ามีสาวเมื่อไร คุณอาจจะไม่ได้เล่นเกมส์อยู่บ้าน หรือกินข้าวกับเพื่อนได้บ่อยแล้ว นี่แหละที่คุณกลัวนักกลัวหนา
2. มีมาตรฐานสูง
ขาว สวย หมวย เอ็กซ์ หล่อ แมน บ้านรวย เรียนเก่ง แหมะ มาแบบยกเซตเลย ก็เพราะว่าคุณมีมาตรฐานที่สูงมาก เรียกว่าถ้าจะมีแฟนทั้งทีก็ขอให้ได้ตามสเปคที่วางไว้ เราสังเกตเห็นเพื่อนๆ หลายคนที่เจอคนที่คุยถูกคอ แต่ก็ไม่คบเป็นแฟน เพราะไม่ตรงสเปคที่วางไว้ ไม่ใช่แค่ผู้ชายหรอกที่เป็น สาวๆ ก็เป็นแบบนี้เยอะเหมือนกัน คุณนั่นแหละรู้ตัวเองดีที่สุด ว่าสเปคของคุณเป็นอย่างไร
3. รักอิสระ
ผู้ชาย ส่วนใหญ่กลัวการมีแฟน เพราะกลัวจะสูญเสียอิสรภาพที่ตนมี ฟังดูน่ากลัว แต่มันคือความจริง เพราะคุณยังอยากไปปาร์ตี้ ไปเฮฮากับเพื่อนฝูง อยากทำอะไรตามใจ ไม่อยากคอยรับโทรศัพท์ที่เอาแต่ถามว่า “อยู่ที่ไหน อยู่กับใคร ไปกี่คน ทำไมไม่โทรศัพท์ช้า” สารพัดประโยคที่คุณจะได้ยินจากเธอ เนี่ยแหละที่ทำให้ยังเป็นโสดอยู่ทุกวันนี้
4. รู้สึกว่าตัวเองไม่ดีพอสำหรับใคร
ฟัง ดูน่าเห็นใจสำหรับเหตุผลข้อนี้ หลายคนไม่กล้าใครก่อน เพราะรู้สึกว่าตนเองไม่มีอะไรดีพอ ไม่มีอะไรไปแข่งกับคู่ต่อสู้คนอื่นๆ บ้านก็ไม่รวย เงินเดือนก็น้อย หน้าตาก็ไม่ดี ถ้าคิดแบบนี้จริงๆ ก็อาจจะเป็นโสดตลอดไปนะคะ จริงๆ แล้ว บางคนเขาก็มีวิจารณญาณพอ หากใครที่คิดแบบนี้ ลองเปลี่ยนมุมมองดู
5. ลืมรักครั้งเก่าไม่ได้เสียที
รัก ครั้งเก่ามันฝังใจ โดนทำร้ายจนไม่มีชิ้นดี รักเธอเหลือเกิน แต่เธอไม่รักเรา สารพัดเหตุผลที่ทำให้คุณก้าวไปข้างหน้าต่อไม่ได้ เป็นแบบนี้ก็แย่ทีเดียว หนุ่มๆ หลายคน พยายามจะลืมรักครั้งเก่าด้วยการจีบสาวคนใหม่ ไม่ผิดนะที่จะทำแบบนี้ แต่ถ้าคุณยังเคลียร์ตัวเองได้ไม่ดี ก็อย่าเพิ่งมีใหม่เลยดีกว่า แน่นอนว่าการลืมใครสักคนไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ชีวิตต้องก้าวไปข้างหน้า คุณอย่าพลาดโอกาสดีๆ ที่เข้ามาในชีวิตเลย
6. กิจกรรมเยอะ เพื่อนแยะ
ปีน เขา เดินป่า ดำน้ำ กินข้าวกับคนนั้นที คนนี้ที ไปเล่นเกมส์บ้านนั้นที บ้านนี้ที ไม่มีเวลาให้ใครจริงๆ พอใจกับสิ่งที่เป็นอยู่ แบบนี้ก็โอเคค่ะ เพราะคุณพอใจกับสิ่งนี้ แต่ถ้าเหงาๆ อยากหาใครกอดสักคนก็ช่วยไม่ได้นะ
7. อยากมีความสัมพันธ์ที่ดีงามไปเลย ไม่อยากคบแล้วเลิก คบแล้วเลิก
เหนื่อย กับการเริ่มต้นใหม่ ไม่อยากเสียใจซ้ำๆ เราเข้าใจคุณ! เรื่องของความคิดห้ามกันไม่ได้ แต่ถ้าคุณคิดแบบนี้แล้วมาบ่นเหงา อยากมีแฟน อันนี้ก็ต้องปรับเปลี่ยนความคิดซะใหม่ คุณลองเริ่มต้นใหม่ แล้วคิดใหม่ว่า สิ่งต่างๆ ที่เข้ามาคือประสบการณ์ เสียใจเป็นเรื่องธรรมดา ชีวิตเราไม่ใช่สุข 100% อยู่แล้ว แต่ถ้าคุณมีเป้าหมายชัดเจนก็ลุยเลยค่ะ ความโสดไม่ใช่เรื่องผิด
8. มีกำแพงในใจ
สร้าง กำแพงไว้ ไม่ยอมให้ใครใดพังทลายมันเข้ามา ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่มีกำลังจะทำลายมันนะ แต่เป็นตัวคุณเองที่ก่อกำแพงมันไว้ซะแน่นหนา ไม่ยอมคุย ไม่สนใจ
9. อยู่คนเดียวได้สบายมาก
กิน ข้าวคนเดียว ดูหนังคนเดียว เป็นเรื่องเล็กน้อยมาก เพราะไม่ต้องคอยเอาใจใครให้วุ่นวาย อยากกินอะไร ดูอะไรก็สามารถทำได้ตามใจตน จึงขอเป็นโสดไปก่อนแล้วกัน
10. ก็อยากมีอยู่ แต่ไม่มีใครเอา!
ข้อ นี้เจ็บปวดจริงๆ ก็อยากมีอยู่หรอกนะ แต่จีบทีไร เขาก็ไม่เคยสน เอาน่ะ ตราบใดที่พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออก คุณก็ยังมีโอกาสเสมอ สู้เขานะ!

ที่มา : http://teen.mthai.com/love/91940.html

ผิดไหมถ้าริรักในวัยเรียน

ผิดไหมถ้าริรักในวัยเรียน
เพื่อนๆ อาจเคยได้ยินคำสอนของผู้ใหญ่ที่มักพร่ำเตือนเด็กชายเด็กหญิงวัยรุ่นว่า.. อย่าริรักในวัยเรียน มันยังไม่ถึงเวลา ซึ่งจริงๆ แล้วท่านเตือนด้วยและห่วงใยกลัวจะมีปัญหาอื่นๆ ตามมาหากมีแฟนทั้งๆ ที่ยังเรียนอยู่ ขณะที่วัยรุ่นเองก็กลัวโดนทางบ้านดุ ถ้ารู้ว่ามีแฟน ข้อห้ามหรือคำพูดดังกล่าวทำให้วัยรุ่นไม่กล้าที่จะบอกหรือพูดคุยเรื่องความ รู้สึกส่วนตัวกับพ่อแม่ เพราะคิดสรุปเองสิ่งนี่มันคือข้อห้ามจากคำพูดของผู้ใหญ่!! ดังนั้นมาดูสิว่าที่เพื่อนๆ คิดหรือกังวลตรงกับข้อไหนบ้างนะ..
Q : ริรักในวัยเรียนผิดหรือเปล่า
A : เรื่อง รักในวัยเรียนคงไม่ใช่สิ่งที่ผิดหรอกค่ะ หากความรักนั้นอยู่ในขอบเขตที่พอดีและเหมาะสมต่างฝ่ายต่างให้เกียรติและ เคารพในบทบาทหน้าที่ของกันและกัน ที่สำคัญเพื่อนๆต้องแยกให้ออกระหว่างเรื่องความรักกับการเรียน สองสิ่งนี้ต้องจัดลำดับว่าสิ่งไหนสำคัญกว่ากัน ณ ช่วงเวลานั้นของตัวคุณเอง แน่นอนว่าถ้าเรายังเด็กการเรียนย่อมมาเป็นอันดับแรกและเมื่อโตขึ้นมีหน้าที่ การงานมั่นคงเราก็พร้อมที่จะมีความรักอย่างจริงจังในการมองหาคู่ชีวิต ไม่ใช่รักใสๆ แบบวัยเรียนแล้วล่ะค่ะ
Q : รักครั้งแรกเป็นอย่างไร
A : แหมถ้าถามถึงรักครั้งแรก หลายคนย่อมรู้สึกจดจำได้ดีเป็นพิเศษ เพราะเป็นรักใสๆในวัยเรียน เป็นความรู้สึกพึงพอใจ รู้สึกปลื้มใครสักคนหรือที่เรียกว่าชอบ จนพาลให้คิดไปว่านั่นคือความรัก และความรักกับความใคร่นี้ก็ใกล้นิดเดียวเองค่ะ ฉะนั้นแล้วรักให้เป็นต้องไม่ทำร้ายตัวเองและผู้อื่น หากรู้ว่าจะมีเพศสัมพันธ์ใช้ถุงยางอนามัยเสริมความปลอดภัยให้ชีวิตกันนะคะ
Q : ทำ ไงดีถ้ามีเพศสัมพันธ์กับแฟนโดยที่ทางบ้านไม่
A : เมื่อเราทราบว่า การกระทำของเราไม่ถูกต้องหรือคำนึงได้ถึงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นตามมา ก็ควรป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีก หากจำเป็นก็ควรป้องกันการตั้งท้อง และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์โดยใช้ถุงยางอนามัยป้องกันทุกครั้งที่มีเพศ สัมพันธ์ค่ะ แต่หากท้องขึ้นมาจริงๆ ก็ควรปรึกษาทางบ้านเพื่อหาทางออกเรื่องนี้ร่วมกัน หรือโทรสอบถามหน่วยงานที่รับให้คำปรึกษาในเรื่องนี้
Q : สมมติเกิดท้องขึ้นมา แต่อยากเรียนต่อจะทำไงดี
A : ถ้า อยากเรียนต่อแต่ติดที่ตั้งท้องก็ยื่นเรื่องขอพักการเรียนชั่วคราวไว้ก่อนค่ะ เมื่อคลอดแล้วก็ทำเรื่องกลับเข้ามาเรียนใหม่ หรือปรึกษาผู้ใหญ่ คนในครอบครัว สิ่งสำคัญคือโรงเรียนและผู้บริหารโรงเรียน ไม่ควรปิดกั้นเด็กด้วยทัศนคติส่วนตัวตัดสินเด็กดีหรือไม่ดีจากเรื่องนี้ แล้วบีบเด็กให้ต้องลาออกหรือย้ายโรงเรียนซึ่งทำให้เด็กหมดอนาคต เพราะนั่นไม่ใช่นโยบายการแก้ปัญหาของกระทรวงศึกษาธิการ
Q : ผู้หญิงมีทางเลือกยุติการตั้งท้องไหมโดยไม่ผิดกฎหมาย
A : กฎหมายอนุญาตให้ผู้หญิงยุติการตั้งท้องได้ในกรณีต่อไปนี้
- การตั้งท้องเป็นอันตรายต่อชีวิตและสุขภาพของผู้หญิง
- ผู้หญิงที่มีอาการทางจิตก่อนหรือหลังขณะตั้งท้อง
- การตั้งท้องเกิดจากการข่มขืน
- การตั้งท้องโดยที่ผู้หญิงอายุต่ำกว่า 15 ปี
Q : แล้ว ถ้าท้องไม่พร้อมจริงๆ มีหน่วยงานใดช่วยเหลือผู้หญิงบ้าง
A : สำหรับหน่วยงานที่ให้บริการช่วยเหลือการปรึกษาทางเลือกสำหรับ ผู้หญิงท้องไม่พร้อม อาทิ ศูนย์นเรณทรพึ่งได้ โรงพยาบาลสมุทรปราการโทร. 1669 ศูนย์พึ่งได้โรงพยาบาลประทุมธานี โทร.02-598-8753 มูลนิธิเพื่อนหญิง โทร.02-513-1001 โรงพยาบาลตำรวจ โทร. 02-253-0121 02-253-0121 ฯลฯ เพื่อประเมินหาทางเลือกที่เป็นไปได้ และเหมาะสมกับแต่ละบุคคลเพราะทุกปัญหาย่อมมีทางออกเสมอค่ะ

ที่มา : http://campus.sanook.com/921749/

ความรักที่อาจก่อปัญหาในวัยเรียน

                    วัยรุ่นที่อยู่ในวันเรียนตั้งแต่ระดับมัธยมศึกษา  ส่วนมากจะมีคนรักกันแล้ว  จะเป็นเพราะทันสมัย  ใครที่หาคนรักไม่ได้ก็คงคิดว่าเชยมากๆ  การติดต่อกันระหว่างหนุ่มสาวไม่ต้องเสียเวลาเหมือนเมื่อก่อน  ปัจจุบันนักเรียนนักศึกษาบางคนมีพร้อมแม้กระทั่งเพจเจอร์และโทรศัพท์มือถือ  (ไม่ทราบว่ามีไว้เพื่อกิจการใด)  สามารถโทรติดต่อกันโดยใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาที  ก็สื่อความหมายได้เข้าใจ

                   หลายๆ  คู่รักจริงหวังแต่ง  จึงต้องใช้ความพยายามถนอมน้ำใจ  รักเดียวใจเดียว  ส่งกำลังใจให้กัน  ปรึกษาหารือในด้านการเรียน  ช่วยกันทำงาน  ช่วยกันทำการบ้าน  ส่งอาจารย์  เรียนไปด้วยรักและให้กำลังใจกันไปด้วย  มีความสุขสดชื่น
                ความรักมิใช่เป็นสิ่งที่หอมหวานเสมอไป  หลายคู่ที่มีปัญหา  ขาดความจริงใจต่อกัน  มีแต่ความใคร่  ขาดซึ่งความรัก  ชิงสุกก่อนห่าม  ซึ่งผลที่ติดตามมาคือ  แต่ละฝ่ายเริ่มมีปัญหาด้านการเรียน  การขาดเรียนจะมีเป็นประจำ  เริ่มเบื่อหน่ายต่อการทำหน้าที่การเรียน  โกหกพ่อแม่ไปวันๆ  เพื่อขอค่าใช้จ่ายตามปกติที่ควรจะได้  แต่งชุดนักเรียนนักศึกษาเดินทางไปและกลับจากโรงเรียนเป็นปกติกับเพื่อนๆ  แต่ปรากฏว่าไปไม่ถึงโรงเรียน  เลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาฝนกิจกรรมต่างๆ  นอกเหนือจากการเรียน  นัดพบหนุ่มสาวเข้าไปในแหล่งการพนัน  สนุ๊กเกอร์  สถานเริงรมย์ต่างๆ  เท่าที่จะสามารถไปได้  เริ่มมั่วสุมในอบายมุข  บุหรี่  ยาเสพติด  สาวค้าประเวณี  ผลที่ติดตามมาคือแต่ละฝ่ายต้องออกจากโรงเรียนกลางคัน  คลินิกทั้งที่ถูกต้องตามกฎหมายและคลินิกเถื่อนที่จัดตั้งขึ้นโดยทั่วไป  เพื่อแก้ปัญหากับสาวๆ  ที่มีความทุกข์  เป็นการแก้ปัญหาทางการเรียนที่ยากลำบากมาก  บรรดานักเรียนนักศึกษาสาวที่ต้องดิ้นรนตัวเองไปหาหมอเถื่อน  ต้องก้มหน้ารับกรรมที่ตนได้ก่อขึ้นด้วยความทุกข์ระทม  เงินที่ได้มาเพื่อนำมาให้หมอ  ไม่ต้องสงสัยว่าหามาได้อย่างไร  ถ้าไม่ขอยืมหรือลักขโมยก็คงจะใช้วิชามารในการโกหกพ่อแม่หรือญาติพี่น้องหาเงินมาให้หมอเถื่อนทั้งหลาย  เงินก็เสีย  เจ็บทั้งตัวเจ็บทั้งใจกาย  อับอายขายหน้า  นอกจากนั้นต้องเสี่ยงกับความมีชีวิตรอดหรือไม่รอด  ถ้ามีชีวิตรอดจะต้องตกเป็นเป้าสายตาของชุมชนและสังคม ที่คอยดูถูกเหยียดหยาม  สายตาของสังคมจะตราหน้าถึงความอัปยศ  การเรียนแทบไม่ต้องพูดถึง  เพราะขาดการติดต่อเป็นเวลานาน  จะเข้าเรียนก็เกรงว่าจะได้รับการดุด่าว่ากล่าวหรือคำตำหนิติเตียนจากครู  อาจารย์  ถูกค่อนแคะจากเพื่อนร่วมห้องเรียน
                    กิจกรรมนอกเหนือจากการเรียน  เป็นสิ่งที่ชดเชยกับผู้ที่หลงผิด  ส่วนมากจะปล่อยเนื้อปล่อยตัว  เพราะอย่างไรเสียก็สูญเสียร่างกายไปแล้ว  กิจกรรมร่วมกับเพื่อนชายกลับกลายเป็นเรื่องปกติ  เริ่มรับสิ่งเสพติดทั้งหลายทั้งปวงเข้าในร่างกาย  การหาเงินเพื่อซื้อสิ่งเสพติดมีความถี่มากขึ้น
                         ฝ่ายชาย  หลังจากที่สลัดรักคนเก่าแล้ว  ก็มุ่งหารักใหม่และหวังในการทำลายลูกผู้หญิงไปเรื่อยๆ  หลังจากนั้นก็สร้างความแตกร้าวเหมือนกับที่เคยปฏิบัติกับคนก่อนๆ  แต่การกระทำดังกล่าวผลกรรมก็ตกอยู่กับตัวเขาเอง  โดยเข้าไปพัวพันกับแก๊งค้ายาบ้า  ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าจับกุม  นำตนเองเข้าไปอาศัยอยู่ในเรือนจำ
                     ความรักของหนุ่มสาวเป็นความรักที่หอมหวาน  เป็นวัยแห่งความสดชื่น  วัยอยากลองอยากรู้  อยากสัมผัส  เป็นวัยที่ต้องพยายามใฝ่หาคนรู้ใจ  คนให้กำลังใจและเอาใจซึ่งกันและกัน
                หนุ่มหลายๆ  คนมีปัญหาถึงกับต้องมีเรื่องทะเลาะวิวาทชกต่อย  ถึงขั้นรวมสมัครพรรคพวกเพื่อไปทำร้ายร่างกายกับคู่อริ  เมื่อทราบว่าหนุ่มคนดังกล่าวมีพฤติกรรมมาแย่งคนรักของตนเอง  ต้องเดือดร้อนถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจ  อาจารย์หัวหน้างานปกครองของสถานศึกษา  รวมทั้งพ่อแม่พี่น้องโดยทั่วไป  เพื่อไกล่เกลี่ยปัญหาที่เกิดขึ้นไปในทางที่ดี
                       ข่าวที่เกิดขึ้นจากสื่อแทบทุกชนิด  ทั้งหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น  หนังสือพิมพ์ระดับชาติ  ข่าวที่แพร่ภาพทางโทรทัศน์  เป็นการสะท้อนให้เห็นว่า  ปัญหาที่เกิดขึ้นของสังคมทุกวันนี้  นอกจากเหตุที่เกิดจากอาชญากรรมกับบุคคลทั่วไป  ยังมีข่าวของนักเรียนนักศึกษาที่ก่อปัญหาอาชญากรรม  ปัญหาแย่งชิงคนรักจนถึงกับทำร้ายร่างกายได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต  บางคนแก้ปัญหารักของตนเองไม่ได้ถึงกับต้องกินยาฆ่าแมลง  กระโดดตึก  และวิธีการอย่างอื่นๆ  เพื่อหนีปัญหา
                   ปัญหาความรักที่เกิดขึ้นระว่างวัยเรียน  จะไม่เกิดเฉพาะในหมู่เพื่อนเดียวกันเท่านั้น  หลายครั้งที่อ่านข่าวจากหน้าหนังสือพิมพ์  หรือข่าวจากโทรทัศน์  นักเรียนนักศึกษาสาวกับครูอาจารย์นาถานศึกษามีพฤติกรรมที่ส่อไปในทางชู้สาว  ซึ่งเป็นเรื่องที่สร้างความเสื่อมเสียกับอาชีพของคนที่สร้างคนและสอนคน  นับว่าเป็นจุดบอดของวงการการศึกษา  ที่ถือว่าอาชีพครู  เป็นอาชีพที่มีเกียรติสูงมาก  เป็นที่นับหน้าถือตามของนักเรียน  นักศึกษา  ผู้ปกครอง  และบุคคลทั่วไป  ปัญหาที่เกิดแต่ละครั้งจะกระทบกระเทือนจิตใจของบรรดาครูอาจารย์อย่างมาก

                                                ที่มา : http://www.oknation.net/blog/somchoke101/2007/12/31/entry-2

30 ข้อคิดสั้นๆ เมื่อเจออุปสรรคในความรัก ก่อนจะสาย

หลายคู่ตอนแรก รักกันมาก จนคนอิจฉา แต่เวลามีปัญหากับแก้ไขให้ผ่านพ้นไปไม่ได้ซะอย่างนั้น เมื่อปัญหาเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ก็กลายเป็นว่าเส้นทางรักต้องจบลง แต่เคยคิดไหมคะว่า ปัญหาเหล่านี้เกิดจากเราเองหรือเค้าที่ไม่ปรับเปลี่ยนมุมมองความคิด หรือไม่ยอมรับฟังอีกฝ่ายเลยหรือเปล่า ถ้าคุณกำลังมีปัญหาแบบนี้ละก็ 30 ข้อคิดสั้นๆ เมื่อเจออุปสรรคในความรัก ก่อนจะสาย นี้ น่าจะทำให้คุณทราบคำตอบ และหันกลับมามองปัญหา แก้ไขไปพร้อมๆ กัน
love 2 0k

30 ข้อคิดสั้นๆ เมื่อเจออุปสรรคในความรัก ก่อนจะสาย

1. เวลาทะเลาะกัน ให้รีบคิดว่าพรุ่งนี้ก็ลืมแล้วว่าทะเลาะกันเรื่องอะไร ให้รีบคืนดีกัน
2. อย่าเบื่อที่จะรับสาย เพราะมันดีกว่าไม่มีใครโทรเข้ามา
3. ไม่มองบ้าง ไม่พูดบ้าง ทำให้ความรักยืนยาวขึ้น
4. ความรักไม่ใช่เกมส์กีฬา อย่ามัวแต่หาคนชนะหรือแพ้ ไม่เช่นนั้นเราอาจจะเป็นนผู้แพ้ทั้งคู่
5. เมื่อคนหนึ่งพูด อีกคนต้องฟัง
6. อย่าเปรียบเทียคนรักของเรากับคนอื่น
7. หาเวลาออกไป dinner บ้าง
8. อย่ามองเหตุผลของตนเป็นใหญ่เสมอ
9. เข้าใจให้มากกว่าเอาแต่ใจ
10. ทำให้เหมือนเพิ่งรักกันวันแรกเสมอ
11. ต้องเข้าใจว่า คิดต่างกัน ไม่ได้แปลว่าไม่รักกัน
12. ฝึกคิดบวกให้มากกว่าคิดลบ
13. กอดกันให้บ่อย เท่าที่คิดถึงกัน
14. ยิ้มให้กัน ให้มากกว่าที่กอดกันยิ่งดี
15. การใช้ชีวิตคู่เท่ากับการแชร์พื้นที่กัน
16. จำไว้ว่า “พื้นที่ส่วนตัว” สำคัญต่อการใช้ชีวิตคู่เสมอ
17. อย่าทำงานหนักเกินไป จนลืมว่ามีใครที่สำคัญกว่านั้น
18. ก่อนนอน..ห่มผ้าให้กันบ้าง
19. ความรักก็เหมือนการเต้นรำ…บางจังหวะเราต้องนำ บางจังหวะเราก็ต้องตาม
20. อย่าทำร้ายคนที่เรารัก ด้วยคำพูดที่แปลว่าไม่รักกัน
21. ดูแลร่างกายกันแล้ว ก็อย่าลืมดูแลจิตใจกันด้วย
22. ความรักหมดได้…ก็เติมใหม่ได้
23. “สู้” “เป็นกำลังใจให้นะ” 2 คำนี้ ที่ควรพูดบ้าง
24. ทำให้คนเรารักรู้ว่า จะมีเราเคียงข้างและพร้อมที่จะเดินไปด้วยกันเสมอ
25. ยอมรับที่จะเรียนรู้ ถ้าคิดจะใช้ชีวิตคู่กับใครอีกคน
26. หัดลืมอดีต และเรื่องเก่าๆเสียบ้าง
27. ลองออกไปยืนมองพระจันทร์เต็มดวงด้วยกันบ้างก็ดี
28. ต้องรู้จักพูด “ขอโทษ” ให้เป็น (ถึงไม่ผิดก็ “ขอโทษ” ได้)
29. แชร์เพลงรักไปให้เค้าหรือเธอฟังบ้าง
30. จำไว้ว่า สุดท้ายไม่มีอะไรสำคัญไปกว่า “ครอบครัว”

10 ข้อคิดดี ๆ สำหรับวัยรุ่นที่มีรักในวัยเรียน จากใจ โต้ สุหฤท

10 ข้อคิดดี ๆ สำหรับวัยรุ่นที่มีรักในวัยเรียน จากใจ โต้ สุหฤท

   หลัง จากที่ สุหฤท สยามวาลา ดีเจอินดี้ และผู้บริหารบริษัทเครื่องเขียนดังของตระกูลสยามวาลา ได้กลายเป็นที่รู้จักมากขึ้น ภายหลังการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ทำให้ขณะนี้เขาได้กลายเป็นขวัญใจเด็กแนวทั่วประเทศ ด้วยแนวคิดแหกกรอบ แต่แฝงไปด้วยข้อคิดดี ๆ และความคิดสร้างสรรค์มากมายนั่นเอง

10 ข้อคิดดี ๆ สำหรับวัยร

            และในฐานะที่เขาเป็นขวัญใจของวัยรุ่นเด็กแนวทั่วประเทศ ล่าสุด (16 พฤษภาคม 2556) โต้ สุหฤท ก็ยังได้ฝากข้อคิดดี ๆ เกี่ยวกับเรื่องความรักของวัยรุ่น มาสอนและเตือนทุก ๆ คนไว้อย่างน่าสนใจผ่านทวิตเตอร์ @Suharit ดังนี้

 1. คือวัยรุ่นไม่ต้องจะเป็นจะตายอะไรนักหนาหรอกเวลาอกหัก มี 20 % ที่รักกันตอนวัยรุ่นแล้วแต่งงานกัน และมีจำนวนมากที่อกหักอยู่นั่นแล้วเจอรักแท้

  2. วัยรุ่นค่ะอย่ารุนแรงกับความรักมากนักเพราะรักแท้มันมาเองแล้วมันไม่จากไปนะคะเบยงุงิ

  3. อีตอนเป็นวัยรุ่นก็หากันจังอีรักแท้ พอได้คู่เสือกคุยกันน้อยลงตอนแก่ มันมีถมเถไปนะคะเบยงุงิ ที่ถูกต้องคือคุยกันทั้งชีวิตด้วยรอยยิ้มและน้ำตา

  4. จะรักใครก็รักแต่หัดเผื่อใจไว้บ้างนะวัยรุ่น เพราะเขาคนนั้นอาจเป็นของคนอื่นที่ทิ่มแทงใจเราไปตลอด และอาจเป็นเพื่อนสนิทเราเอง

  5. การมีเซ็กส์มันห้ามยากและสวยงาม พี่ไม่กระแดะนะ อย่าเมาเป็นพอเพราะมันเฟคและจอมปลอมมาก แต่ไม่เข้าใจอีวันลอยกระทงกับวาเลนไทน์ อะไรนักหนาคะ

  6. รักที่กรีดแขน ฝนตก รถฉุกเฉินมารับเหมือนในมิวสิควิดีโอมันไม่มี คือน้องจะตายห่าทันทีที่ทำเรื่องโง่ๆแบบนั้น เศร้าก็ร้องไห้ หยุดแล้วเดินต่อ

  7. รักนั้นสวยงามแต่มียาพิษซ้อนอยู่นะวัยรุ่น มันไม่ใช่วิตามินชีวิตตลอดไปหรอก น้องอกหักก็อกหัก รักก็รัก เลิกก็เลิก แต่ต้องเด็ดขาดกับความรู้สึก

  8. วัยรุ่นคะอย่าหลงรักจนเลิกเรียน มันทุเรศนะคะเบยงุงิ ไม่ต้องโกรธพี่ด้วย เพราะพี่พูดจริง อยากได้สามีหรือใบปริญญา!

  9. โปรดสนุกกับความรักแบบวัยรุ่นเพราะมันจะหายไปตอนแต่งงานเพื่อชีวิตจริง วัยรุ่นงอนกันน่ารัก พอแก่แต่งงานกันงอนกันน่าตบที่หัวใจตนเอง นะคะเบย

  10. วัยรุ่นอย่ากระแดะทำเป็นรักหนักหนาครับ ให้รักเงียบ รักแบบจริงใจ รักแบบพรุ่งนี้ไม่มีเธอ แล้วต่อด่วยคำว่า แสรด ทำไมกูจะไม่มีมึงไม่ได้ว่ะ


ที่มา : https://blog.eduzones.com/poonpreecha/108343

10 พฤติกรรมที่บอกว่าเขาคิดกับคุณแค่เพื่อนเท่านั้น!

เคยไหม? ที่บางครั้งเราพยายามทำตัวให้เป็นจุดสนใจ หรือทำอะไรเพื่อเรียกร้องความสนใจจากคนที่เราชอบ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน รุ่นพี่ .. แต่ดูแล้วเขาก็ไม่มีท่าทีที่จะสนใจเราเลยสักนิด แบบนี้สาวๆ ต้องมาดู 10 พฤติกรรมที่บอกว่าเขาคิดกับคุณแค่เพื่อนเท่านั้น! กันหน่อยดีกว่า ถึงแม้ไม่ได้เป็นแฟนแต่เป็นเพื่อนก็ยังดีนะ ^^
10 พฤติกรรมที่บอกว่าเขาคิดกับคุณแค่เพื่อนเท่านั้น!

 10 พฤติกรรมที่บอกว่าเขาคิดกับคุณแค่เพื่อนเท่านั้น!

1. โต้ตอบสั้นๆ
หาก คุณส่งข้อความไปให้ชายหนุ่มคนนั้นและเขาตอบกลับมาแบบสั้นมาก หรือต้องรอนานมากกว่าจะส่งกลับมา นั่นหมายความว่าเขาคิดกับคุณแค่เพื่อน แม้ปกติผู้ชายส่วนใหญ่จะไม่ค่อยถนัดในเรื่องการส่งข้อความอยู่แล้ว แต่การตอบกลับมาแบบสั้นๆก็เห็นได้ชัดอยู่นะ
2. อะไรก็ไม่แน่ไม่นอน
ถ้า คุณพยายามที่จะนัด แต่เขามักตอบคุณว่า “ไม่แน่” แปลว่าเขาไม่ได้คิดอะไรกับคุณชัวร์ป้าบ ยิ่งถ้าเขาตอบว่า “ดูก่อนนะว่ามีนัดอะไรไหม” ฟันธงได้เลยว่าหมดหวังแน่นอน นั่นเป็นเพราะผู้ชายที่ชอบคุณเขาจะต้องพยายามวางแผนเพื่อที่จะได้อยู่กับคุณ ยังไงล่ะ
3. การหว่านเสน่ห์ของคุณไม่ได้ผล
ฉัน ลองมาหมดทุกวิถีทางแล้ว ทั้งแอ๊บแบ๊ว หัวเราะกิ๊กกั๊ก แต่งหน้าเริ่ดๆ เลือกชุดทำงานที่สวยที่สุด และงัดวิชาหว่านเสน่ห์ออกมาจนแทบจะหมดกรุอยู่แล้ว แต่ปรากฏว่าไม่ได้เรื่องเลย
4. ไม่มีอารมณ์ใส่ใจกันและกัน
เมื่อ คุณชอบใครสักคนและมีโอกาสได้ถามสารทุกข์สุขดิบกับเขา แต่เขากลับแค่ยักไหล่และบอกว่า “ สบายดี ขอบคุณ” จากนั้นก็เดินไปเลย ถ้าเป็นผู้ชายที่เขาชอบคุณ เขาจะตื่นเต้นที่รู้ว่าคุณสองคนใจตรงกัน ซึ่งบางครั้งคุณอาจต้องเป็นฝ่ายเริ่มก่อน
5. เขาพูดถึงผู้หญิงคนอื่น
อย่าง แรกถ้าชายหนุ่มที่คุณสนใจเริ่มพูดถึงผู้หญิงคนอื่น คุณต้องเดินหนีไปเลย ไม่มีเหตุผลที่ผู้ชายคนหนึ่งจะคบกับคุณคนเดียวไม่ได้ แต่ถ้าคุณไม่ใช่คู่รักกันการที่เขาแสดงออกมาแบบนี้ก็หมายความว่าคุณคงเป็น ได้แค่เพื่อนของเขาจริงๆ
10 พฤติกรรมที่บอกว่าเขาคิดกับคุณแค่เพื่อนเท่านั้น!
10 พฤติกรรมที่บอกว่าเขาคิดกับคุณแค่เพื่อนเท่านั้น!
6. เขาไม่แตะต้องตัวคุณ
หนึ่ง ในขั้นตอนจีบสาวง่ายๆคือการสัมผัสแตะเนื้อต้องตัวคนที่เราชอบ แต่ไม่จำเป็นต้องเป็นไปในทางชู้สาวนะ แค่ใช้มือแตะแขนขณะที่คุณกำลังหัวเราะ หรือช่วยปัดผมให้ในขณะที่คุณมือไม่ว่าง แต่ถ้าเขาไม่เคยทำแบบนั้นเลย คุณยังต้องให้บอกอีกเหรอว่าเขาไม่ได้สนใจคุณแน่นอน
7. ไม่ติดต่อกันแม้ว่าจะหายไปหลายวันหรือหลายสัปดาห์
จน กระทั่งตอนนี้เขาก็ยังไม่ส่งข้อความตอบกลับมาเลย ฉันเกลียดการรอคอยจัง ถ้าผู้ชายคนนั้นคิดอะไรกับคุณ เขาจะไม่ปล่อยให้คุณรอ แถมอาจรีบตอบกลับมาตั้งแต่วันแรกแล้ว
8. เขาลืมสิ่งที่คุณพูดหรือทำ
ผู้ชาย คนที่ฉันชอบมีความจำที่จัดว่าดีมาก แต่ปรากฏว่าการที่เขาจำสิ่งที่ฉันพูดได้เป็นเพียงเรื่องของมารยาทเท่านั้น เขาไม่ได้สนใจอะไรจริงจัง ไม่มีบทสนทนาอันน่าตื่นเต้นระหว่างเราสองคน แถมเขายังไม่สนใจหรือพยายามที่จะเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของฉันด้วย เขาไม่แคร์ฉันเลย
9. ไม่มีคำว่าเลี้ยง เงินใครเงินมันจ้า
ฟัง นะสาวๆผู้ชายที่ชอบคุณจะไม่มีวันปล่อยให้คุณต้องควักเงินจ่ายค่าอาหารเลย เขาจะเป็นฝ่ายจ่ายให้เพราะอยากให้คุณรู้ว่าเขาใจป้ำและสามารถดูแลคุณได้ ส่วนผู้ชายที่ไม่ทำแบบนั้นก็แปลว่าเขาไม่ได้คิดอะไรกับคุณยังไงล่ะ
10. เขาไม่เคยชวนคุณไปบ้าน
ถ้า คุณชวนเขาไปบ้านและเขาตอบปฏิเสธก็คิดได้ง่ายๆเลยว่าคุณคงเป็นได้แค่เพื่อน หรือถ้าคุณไปเที่ยวกันและเขาไม่เคยเอ่ยปากชวนคุณไปบ้านเลย นั่นก็หมายความได้ว่าเขาได้รับการเลี้ยงดูมาดีหรือเขาไม่ได้พิศวาสในตัวคุณ จริงๆ การเป็นเพื่อนกันคือการที่เขาไม่ได้พยายามหาทางหลับนอนกับคุณ ดังนั้นตัดเรื่องเซ็กส์ออกไปได้เลย
ถ้าคุณลองทำทุกวิถีทางแล้วแต่เขา ก็ยังไม่แสดงท่าทีกับคุณมากกว่าคำว่าเพื่อนล่ะก็ ฉันขอแนะนำให้สร้างความสัมพันธ์แบบเพื่อนสนิทมิตรสหายกับเขาต่อไปก็แล้วกัน

ที่มา : http://teen.mthai.com/love/93963.html

องค์ประกอบของความรัก

                  ความสัมพันธ์ที่มีความสุขและประสบความสำเร็จ มีบางสิ่งบางอย่างที่คู่รักเหล่านั้นต้องใช้ความพยายามในการสร้างหรือประคับ ประคองไปพร้อม ๆ กับความรัก ซึ่งบางสิ่งบางอย่างที่ว่านี้ ก็คือ 10 องค์ประกอบสำคัญของความรัก ที่อยู่นอกเหนือจากความหลงใหลกับความตื่นเต้นจากวันแรกที่มีโอกาสได้สบตากัน ถ้าหากพวกคุณสามารถทำสิ่งเหล่านี้ให้เกิดขึ้นมาได้ รับรองเลยว่าความรักของพวกคุณจะต้องดำเนินไปอย่างที่ต้องการ และเป็นคู่ที่ได้จูงมือกันจนถึงวันสุดท้ายของชีวิตอย่างแน่นอน

            1. สื่อสารความต้องการให้ชัดเจน

           หลายครั้งพบว่าคู่รักมักจะหวังว่าอีกฝ่ายจะสามารถคาดเดาว่าตัวเองอยากจะบอก อะไร แต่โชคร้ายที่พวกเขาไม่สามารถจะอ่านใจได้อย่างที่คิด ดังนั้น ทุกครั้งที่มีการสื่อสารกับคนรัก คุณจึงจำเป็นที่จะต้องบอกทุกอย่างกับพวกเขาตามสิ่งที่คิด หรือรู้สึกโดยไม่มีการซ่อนเร้นสิ่งใดเอาไว้ให้คิดต่อ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจจะเกิดตามมาในภายหลัง

            2. เรียนรู้การให้อภัยกันและกัน

           ถ้าคุณวางแผนเอาไว้ว่าจะใช้ชีวิตร่วมกันในอนาคต คุณก็ควรที่จะพร้อมให้อภัยอีกฝ่ายด้วยเช่นกัน เพราะไม่มีช่วงเวลาแห่งความสุขใดที่ยั่งยืน อย่างน้อยต้องมีปัญหาอุปสรรคที่เกิดจากความพลาดพลั้งของอีกฝ่ายบ้าง และบางครั้งมันก็อาจเป็นตัวคุณเอง ฉะนั้น ในเมื่อเราทุกคนต่างก็มีโอกาสที่จะทำผิดพลาดกันได้ คงจะดีกว่าหากทำใจยอมรับ พร้อมทั้งรู้จักให้อภัยกันและกัน

          3. คอยเป็นกำลังใจให้กัน

           ทุกคนต่างก็มีวันแย่ ๆ กันได้ ฉะนั้น ถ้าหากเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังเครียด เช่น มีปัญหากับเพื่อน งานเสร็จไม่ทันตามเวลา หรือบางทีก็ตื่นขึ้นมาพร้อมกับอารมณ์หงุดหงิดหลังจากนอนหลับไม่เพียงพอ คุณก็ควรค้นหาสาเหตุความเครียดของเขาให้เจอก่อน โดยไม่ทำให้เขาเครียดหรือเกิดความรู้สึกไม่พอใจมากกว่าเดิม หลังจากนั้นค่อยหาวิธีทำให้เขาสบายใจตามวิธีของคุณ

          4. มีน้ำใจต่อกันให้มาก

           แม้ว่าชีวิตอันแสนวุ่นวายจะทำให้คุณรู้สึกเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าจนไม่อยากจะ ทำอะไรนอกจากการพักผ่อน แต่อย่าลืมว่าตอนนี้มีคนรักอยู่ ฉะนั้น ก็ควรหยิบยื่นน้ำใจให้พวกเขาบ้าง เช่น ยอมเป็นฝ่ายทำอาหาร จัดการงานบ้าน หรือเข้าไปช่วยเหลือคนรักในเวลาที่พวกเขาเจอปัญหาบ้าง แล้วความรักของพวกคุณก็จะพัฒนาไปอีกไกลเลยทีเดียว

          5. หมั่นแสดงความรักต่อกัน

           แม้คุณจะรักอีกฝ่ายจนหมดหัวใจ อีกฝ่ายก็ไม่มีทางรับรู้ความรู้สึกเหล่านั้นได้ถ้าหากคุณไม่แสดงมันออกมา เพราะฉะนั้น หากเป็นไปได้ก็ควรแสดงความรักให้พวกเขาเห็นบ้าง จะเป็นการบอกรัก โอบกอด หรืออื่น ๆ ตามวิธีที่คุณถนัดก็ได้ เพื่อทำให้พวกเขามีความมั่นใจในความรักมากขึ้น อีกทั้งมันยังถือเป็นหน้าที่อย่างหนึ่งหากคิดจะเป็นคนรักที่ดีและมีความ สัมพันธ์ที่ยาวนานด้วย

          6. หัวเราะไปพร้อมกันให้บ่อยกว่าเดิม

           เชื่อว่าทุกคนก็คงรู้อยู่แล้วว่าการหัวเราะส่งผลดีทั้งในด้านสุขภาพและ อารมณ์ แต่คุณจะได้พบกับความมหัศจรรย์ของการหัวเราะมากกว่า หากคุณมีโอกาสได้หัวเราะไปพร้อมกับคนรักในทุก ๆ วัน เพราะการหัวเราะจะช่วยลดความตึงเครียดแล้วแทนที่ด้วยความรู้สึกผ่อนคลาย พร้อมกับทำให้มีความสุขมากขึ้น แม้พวกคุณจะเพิ่งทะเลาะกันมาก็ตาม

          7. ไม่ทะเลาะต่อหน้าคนอื่น

           แม้ว่าการทะเลาะเบาะแว้งกับคนรักจะทำให้ความสัมพันธ์แข็งแรงยิ่งขึ้น และสำหรับบางคู่มันจะเกิดขึ้นจนกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว แต่อย่างไรก็ตามพวกคุณไม่ควรทำมันต่อหน้าคนอื่นหรือถกเถียงกันในที่สาธารณะ เพราะนอกจากมันจะทำให้ภาพลักษณ์ของพวกคุณติดลบแล้ว ยังโดนนินทาทั้งที่พวกเขาไม่รู้ความจริงอีกต่างหาก แม้ว่าในตอนนั้นคุณไม่ได้เป็นฝ่ายทำผิดก็ตาม

          8. แบ่งเวลาให้เพื่อนและครอบครัวด้วย

           คุณไม่ควรละทิ้งสังคมเดิมของตัวเอง เพื่อเอาเวลาเหล่านั้นมาให้กับคนรักตลอดทั้งวัน เพราะอย่าลืมว่าอีกฝ่ายก็มีสังคมของตัวเองเช่นเดียวกัน ดังนั้น มันคงจะดีกว่าหากต่างคนต่างก็มีพื้นที่ว่างหรือแบ่งเวลาบางส่วนของตัวเอง แล้วใช้มันไปกับเพื่อน ๆ หรือคนในครอบครัวบ้าง เพราะคนเหล่านั้นก็ต้องการเวลาจากคุณเช่นเดียวกัน ก่อนที่พวกเขาจะน้อยอกน้อยใจและหายหน้าหายตาไปทีละคน

          9. เก็บความรักเอาไว้เป็นเรื่องส่วนตัว

           ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าจะให้พวกคุณคบกับแบบหลบ ๆ ซ่อน ๆ แต่หมายถึงการพยายามทำให้เรื่องของพวกคุณเป็นเรื่องส่วนตัวมากที่สุด และเปิดเผยให้คนรอบข้างได้รับรู้ตามความเหมาะสมก็พอ ไม่ว่าจะเป็นรูปถ่าย สเตตัส หรือการแสดงความรักต่อกัน เพราะนอกจากจะเป็นวิธีที่ทำให้ความรักมีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จมากกว่า แล้ว ยังไม่รบกวนสายตาของคนรอบข้างด้วย

         10. ให้ความสำคัญกับเดทไนท์

           เดทไนท์หรือการออกเดทตอนกลางคืนก็มีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าเรื่องอื่น ๆ เลย และหากเป็นไปได้ก็ควรวางแผนเดทไนท์ให้ได้อย่างน้อยเดือนละครั้ง ซึ่งจะไปออกเดทกันที่ร้านอาหารหรูบรรยากาศโรแมนติก หรือจัดดินเนอร์เล็ก ๆ กันในบ้านก็ได้ เพราะจุดสำคัญของเดทไนท์ ก็คือ การเปิดโอกาสให้พวกคุณได้อยู่กันตามลำพังโดยไม่มีสิ่งใดรบกวนแม้แต่เสียง โทรศัพท์นั่นเอง

ที่มา : http://wedding.kapook.com

ความหมายของความรัก

    ความรักคืออะไร นั้นรู้สึกว่าจะหาคำตอบได้ไม่ง่ายนัก เท่าที่เราทราบกันดีก็คือ ทุกคนเคยรัก และถูกรักมาทั้งนั้น ชีวิตของมนุษย์จึงมีบทบาทอยู่กับความรักตั้งแต่เกิดจนตาย เด็กที่เกิดใหม่ ๆ ยังรักใครไม่เป็น แต่เขาก็ถูกความรักเข้าช่วยเหลือ โดยการถูกรักจากพ่อแม่และญาติพี่น้องจึงทำให้อยู่รอดเติบโตขึ้นมาได้ เหตุนี้เองจึงมีคำกล่าวว่า “ความรักนี้แหละที่ทำให้โลกหมุนอยู่ได้”  
    ตามหลักจิตวิทยา ความรักคืออารมณ์อย่างหนึ่ง อันหมายถึงความรู้สึกของคนเราที่มีอำนาจแรงพอทำให้คนแสดงจริตกริยาออกมา เกิดการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายให้เห็น ดังนั้นเมื่อคนเราเกิดมีความรักขึ้นแล้วก็จะแสดงจริตกริยาออกมา เกิดการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายให้เห็นดังนั้นเมื่อคนเราเกิดมีความรักขึ้น แล้วก็แสดงอาการรักออกมา อันยากแก่การปกปิดซ่อนเร้น ซึ่งเราคงทราบกันดี และเคยประสบกับตัวของเราเองกันมาแล้ว เช่น ความรักอันยิ่งใหญ่ของพ่อแม่ที่มีต่อลูก จะเห็นว่าพ่อแม่แสดงอาการว่ารักลูกมากมาย ในการเลี้ยงดูเอาใจใส่ และเสียสละหรือความรักหนุ่มสาวก็เป็นกรณีที่เราเห็นอยู่เป็นประจำวันในสังคม ลงเขาได้รักกันเกิดความรักขึ้นมา ต่อให้มีอุปสรรคกีดขวางอย่างไรก็จะพยายามดิ้นรนไปสู่ความปรารถนาของอารมณ์ รักจนได้ 
    กล่าวตามธรรมดาแล้ว ความรัก หรือ รัก นี้ จัดเป็นอารมณ์ประเภทสุข เพราะเมื่อใครเกิดอารมณ์รักแล้ว เขาจะมีใจเบิกบานร่าเริงแจ่มใส เป็นความรู้สึกสุขใจที่ดี ฉะนั้นทุกคนจึงต่างแสวงหาที่จะรักคนอื่น และในขณะเดียวกันก็มีความต้องการให้ตนเองเป็นที่รักของคนอื่นด้วยหน้าที่ ของครูในโรงเรียนนั้นเมื่อวกเข้ามาในเรื่องรักแล้ว ครูจะต้องพยายามทำตัวให้เป็นที่รักของเด็ก และคณะเดียวกันครูก็จะต้องรักเด็กทุก ๆ คนที่ครูสอน การสั่งสอนอบรมกันด้วยมีความรักเป็นทุนหนุนหลังอย่างนี้ จะช่วยให้การศึกษาสำเร็จด้วยดี
    อธิบายได้ว่า ทุกคนจะรักในสิ่งที่ดี อะไรดีจะเป็นที่รักของคนทั้งสิ้น ดังนั้นทุกคนจึงอยากได้ของที่ดี ๆ มีของใช้ดี ๆ มีลูกดี ๆ มีของกินดี ๆ สิ่งที่เน่า ๆ เหม็น ๆ ทุกคนจึงไม่รัก ข้อที่ ๒ คือ เราจะรักในสิ่งที่งาม คำว่างามก็คือ สวย นี่เอง ฉะนั้นของที่งาม ๆ สวย ๆ จึงเป็นที่สบอารมณ์รักของเราเสมอ เช่น รักของใช้ที่สวยงาม มีลวดลายงดงาม รักในศิลปอ่อนช้อยรักในสิ่งประดิษฐ์มีสีสรร สรุปว่า อะไรที่สวยแล้วจะเป็นที่รักทั้งสิ้น ส่วนข้อสุดท้ายที่ว่า เรารักเพราะถูกใจ นั้น จัดเป็นความรักส่วนตัวเฉพาะคน เมื่อมีความถูกใจแล้วรักแน่ ๆ ของนั้นจะเป็นอะไรก็ตาม ดังนั้นบางคนก็ว่าสิ่งนั้นไม่ดี ไม่งาม ไม่น่ารัก แต่อีกคนหนึ่งรักก็เนื่องจากว่า สิ่งนั้นเป็นที่ถูกใจของเขา เหตุนี้เองคนรูปชั่วตัวดำ ซึ่งพูดกันธรรมดา ๆ แล้ว ย่อมไม่ดีไม่งาม แต่ก็ยังเป็นที่รักของคนบางคนอยู่จนได้ ด้วยเหตุผลข้อนี้เอง คือ เพราะถูกใจ เช่นกับว่า ถึงแม้จะดำก็ดำขำ ถึงปากจะแหว่งก็แหว่งอย่างมีเสน่ห์ เป็นต้น
    ฉะนั้น ดี งาม ถูกใจ จึงนับได้ว่าเป็นต้นตอของความรักโดยแท้ ท่านลองสำรวจสิ่งที่ท่านรักเดี๋ยวนี้บ้างก็ได้ว่า ที่ท่านรักสิ่งนั้นเพราะอะไร ข้าพเจ้าคิดว่าคงไม่หนีจากรัก เพราะว่าดี  รักเพราะว่างาม และสุดท้าย รักเพราะถูกใจ เป็นแน่
    ความรัก : เป็นความผูกพันทางอารมณ์ (Emotional Attachment) ที่แสดงใน 3 ด้าน คือ ด้านความรู้สึก ความคิด และการกระทำ
    ความรู้สึก : รู้สึกรัก ชอบ รู้สึกเป็นสุขที่ได้อยู่ใกล้ ทำให้ใจเต้น มองเห็นโลกเป็นสีชมพู...
    ความคิด : การมองผู้ที่ตนรักในแง่ดี มองเห็นคุณค่าและความหมายของเขา อยากทำสิ่งที่ดีให้ และอยากให้เขาพบแต่ความสุข
    การกระทำ : การปฏิบัติต่อกันอย่างอ่อนโยน การดูแลเอาใจใส่ การสัมผัส กอดจูบ และมีเพศสัมพันธ์


ที่มา : http://www.serra.in.th/loveis/love_is-object.html